We've moved!

My blog had its new home.

Like I said before, this blog is not really official. Now that I got a new server, I'm going WordPress.

You can find me at http://lunaticneko.com/blog for the new blog. Thanks for bearing with my many blog moves.

This one will remain up in case I need to scavenge old data and/or there are more people led through the old link. I hope I don't lose too much PageRank for this...

Thank you very much,
LunaticNeko.

2009-12-30

สวัสดีปีใหม่ ๒๕๕๓



สวัสดีปีใหม่ทุกๆ คนครับ ปีนี้ก็แต่งกลอนมาฝากอีกเช่นเคย อาจไม่ไพเราะไม่สละสลวย แต่แต่งด้วยความรักความจริงใจนะครับ ^_^ สำหรับเพลงปีนี้คือเพลง "รื่นเริงเถลิงศก" ของวง "สุนทราภรณ์" ซึ่งเป็นวงดนตรีเก่าแก่ของไทยครับ (ฉบับที่นำมาแสดงในที่นี้ร้องโดย Vocaloids (Hatsune Miku, Kagamine Rin & Len))

เอาละ เข้าสู่ช่วงรำพัน (Rant Zone) นะครับ ^ ^"

ปีนี้อะไรๆ ผ่านไปเยอะมาก ผมได้พบเพื่อนใหม่ๆ รุ่นพี่อีกมากมาย สนิทกับบางคน รู้จักกับหลายคน ผูกพันกับบางคน แต่ก็เป็นเพื่อนกันทุกๆ คน ปีใหม่ปีที่แล้ว ผมยังเป็นนักเรียนอาสาฯ ถ่ายบาตรพระปีใหม่ (จริงๆ ก็ไม่เชิงอาสา เพราะทำแทบทุกคน) ในรั้วโรงเรียนอยู่เลย ตอนนั้นผมคิดว่าชีวิต ม.6 มันอะไรสุดๆ แล้ว แต่ไม่เท่ากับชีวิตในวันนี้เลยด้วยซ้ำ

วันวาเลนไทน์ที่หาคนฉลองที่โรงเรียนไม่ค่อยได้ เพราะมันดันเป็นวันเสาร์... สอบปลายภาคครั้งสุดท้าย และเป็นครั้งแรกที่ผมไปกินไปเล่นกับเพื่อนจนดึก (ผมรู้สึกสนุกมากครับ... แต่เดี๋ยวนี้ผมกินแบบนี้ประจำ)... กว่าจะรู้ตัว เพื่อนๆ ของผมหลายคนก็แยกย้ายไปเสียแล้ว ไม่มีโอกาสได้เจอกันอีก (ยกเว้นเวลามาซื้อผมบน Friends For Sale ไม่ก็ออนเอ็ม แน่นอน ผมไม่ค่อยได้ออน) แต่ผมก็ยังเชื่อว่าทุกๆ คนเป็นเพื่อนผม แม้ว่าจะห่างหายกันไปบ้างก็ตาม

ผมเข้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์มาด้วยสถานะของ "ปีหนึ่ง" ผมยังจำได้เลย วันแรกพบคณะวิศวกรรมศาสตร์ (ที่ภาคคอมฯ หากิจกรรมบรรเจิดมาให้เล่น คือตอบคำถามกวนๆ แถมหักหลังคนชนะอีก 555+) วันนั้นเป็นวันแรกที่ผมได้ยินเพลงเพลงหนึ่ง... แม้ว่าจะไม่รู้ว่าพี่ๆ เขาทำมือแบบนั้นทำไม ยืนล้อมวงทำไมก็ตาม (แต่วันนี้ผมก็เข้าใจแล้วว่าเพลงเพลงนี้สำคัญขนาดไหน เพราะมีแต่นิสิตวิศวกรรมศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เท่านั้นที่ร้อง ไม่ใช่ใครก็ได้ หรือคณะใดก็ได้) จากนั้นผมเข้ามาเรียน รู้จักเพื่อนร่วมรุ่น รุ่นพี่ ผมจำคนไม่ค่อยได้ เกือบเรียกชื่อเพื่อนผิด จำรุ่นพี่ผิดไปหลายครั้ง เลยอาศัยลูกกลมกลืนนั่งรวมๆ ขำตามมุขเขาไปเรื่อย (เดี๋ยวนี้ก็ยังทำบ้างเวลาเจอพี่ที่ไม่คุ้น หรือเพื่อนนอกภาควิชา)

ต่อมา ผมก็เจอกับการสอบเสียแล้ว... ทั้งกลางภาค ปลายภาค ซึ่งทำให้ผมได้รู้ตัวเองว่า ผมยังเก่งได้มากกว่านี้ ตั้งใจ มุ่งมั่นได้มากกว่านี้ ยังมีที่ให้ผมพัฒนาได้อีกเยอะในตลอดช่วงชีวิตของผม

ปิดเทอม รู้สึกเหมือนไม่ได้ปิด เปิดมาอีกทีก็ลอยกระทง... ผมอยากไปลอยกระทง แต่ผมก็ไม่ได้ไป... วันนี้ผมว่าจะไปดู AVATAR ผมก็ไม่ได้ไป... และคงไม่มีโอกาสได้ไปดูเหมือนคนอื่นๆ ปีใหม่นี้ผมอยากมีความสุข ก็ไม่รู้จะมีความสุขได้ครบถ้วนตามที่ผมหวังไว้รึเปล่าก็ไม่รู้

(เสื่อม: ผมได้รู้จักกับ KU Beef แล้วเงินผมก็หายไปอย่างรวดเร็ว 555+)
End of Rant Zone

ต่อไปนี้เป็นกลอนแต่งเองประจำปีนี้ครับ

สวัสดีปีใหม่ใจสุขสันต์
ทุกทุกวันผ่านผันทุกข์หรือไม่
ทุกข์ไม่ทุกข์ก็ปล่อยแล้วให้แล้วไป
เริ่มปีใหม่ผ่านมาโปรดโชคดี

ขออาราธนาแด่องค์พระไตรรัตน์
โพธิสัตว์ทั้งหลายในที่นี้
บรรพชนทั้งหลายทั่วปฐพี
สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีทั่วในสากล

ให้อายุท่านยืนยาวเท่าฟ้า
ให้วรรณะนำพาทุกแห่งหน
ให้สุขะแข็งแรงทั่วทุกคน
ให้พละทุกหนทุกนาที

ให้สมหวังดังใจที่ได้คิด
ให้เติมเต็มดวงจิตแห่งน้องพี่
เหล่าเครือญาติผองเพื่อนที่ฉันมี
ให้ได้ดีมีสุขทุกเวลา

ให้ท่านมองท้องฟ้าปีใหม่นี้
พบมณีสุริยันสว่างฟ้า
แสงสาดส่องก้องเวหาทั่วนภา
ประสาทพรจากฟ้าแด่ท่านเทอญ.

สวัสดีปีใหม่ครับ ^ ^"

(แต่โปรเจคปล่อยแล้วแล้วไปไม่ได้นะครับเดี๋ยวไม่จบ T_T)

2009-12-24

แปลงเพลง รอบแรกของวันนี้... (อาจมีรอบสอง)




วันนี้ผมสอบฟิสิกส์มาครับ เลยเอาเพลงแปลงมาฝากเพื่อนๆ สำหรับต้นฉบับก็ในคลิปนะครับ แปลงเพลงเพื่อชีวิตเป็นเพลงสิ้นชีวิต...

กัญชา -> หนีปลา
คำร้อง (เดิม): คาราบาว
คำร้อง (ใหม่): @LunaticNeko
ทำนอง: คาราบาว

สอบครั้งนี้ยังมีตัว C เจิดจ้า
เหม่อมองปลายังดูหม่นหมอง
อยากบอกว่ามันยากมากไป
มันทำไม่ได้ ยังไงก็ตกมีนนนนนน

หน้าเศร้าๆ ยังแต้มเติมตามใบหน้า
KU3 ลอยมาแต่ไกล
สงกะสัยต้องดรอปต่อไป
ดีกว่าเอฟไซร้ ยังไงก็ต้องอีกเทอม

* จดจำไว้ในความทรงจำ
ความบอบช้ำของตัว "W"
ตลอดเทอมไม่เคยเข้าเรียน
ปรารถนา... จะได้เกรดใด

** เจ็บจำไหมในความเลื่อนลอย
เกรดเสื่อมถอยน้อยคนเห็นใจ
หมดคะแนนสิ้นสูญมลาย
ท้อถอยไป... ถอยหลังติดโปร

invoke *;
invoke **;

สุดจะเฟลความเฟลอยู่บนใบหน้า
ดรอปอีกคราอีกคราวสมัย
ชั่วชีวิตเอฟติดทำไม
เส้นทางสุดท้าย รีไทร์ใต้ต้นนนทรี

2009-08-11

Word Mini-Guide: เริ่มนับหน้าถัดไป

เนื่องจากวันนี้มีพี่ท่านหนึ่งได้สอบถามว่ามีใครจะสอน Word ได้บ้าง ผมก็ตอบรับพร้อมกับขอรายการหัวข้อที่อยากให้สอน หนึ่งในนั้นก็มีเรื่องการให้เริ่มนับเลขหน้าที่หน้าอื่นที่ไม่ใช่หน้าแรกครับ (เลือก 2007 นะครับ เพราะท่านเขาใช้ 2007)

(แชมป์โลกคนใหม่มีก็ไม่ใช้งานเนอะ มาใช้คนเก่า ฮ่าๆๆ)

Step 1: จะเริ่มนับตั้งแต่ตรงไหน ไปตรงนั้น แล้วใส่ Section Break!


ใน Ribbon ก็เลือก tab "Page Layout" ไปตรงส่วน Page Setup มุมบนขวาสุดจะมี Breaks แล้วก็กด drop down ลงมาเลือก Next Page ในส่วนล่างครับ

Step 2: จากนั้นเราก็ไปสร้าง Header หรือใส่ Page Number กันตามปกติ แล้วจากนั้นเรามาดูที่ Header & Footer Tools (มันจะโผล่มาที่ Title Bar เองตอนเราแก้ Header/Footer)

กดเอา Link to Previous ตรงที่วงๆ ในภาพออก แล้วก็ใส่เลขหน้าตามปกติ (ในนี้ผมใส่สองครั้ง จริงๆ ไม่ต้องก็ได้ = =")

Step 3: ไปแก้ให้มันนับ 1 ใหม่ เลือกเลขหน้าให้มันเทาๆ (คลิกก็พอครับ ไม่ต้องปาดก็ได้) ...
แล้วก็ไปตามภาพเลยครับ จากนั้นก็แก้ตามนี้
หลังจากกด OK ไปทุกอย่างก็จะเรียบร้อยครับ

ขอบพระคุณพี่ @nuboat มากครับที่ให้โอกาสผม แต่ก็ต้องขออภัยที่ทำอย่างลวกๆ ดิบๆ พอควร เพราะผม (ยอมรับว่าปวดหัว) ทำบ้าอะไรก็ไม่รู้ crash ไปสามสี่รอบ ดีนะที่เอา Chrome มาใช้ ไม่งั้นเละไปแล้ว

เกี่ยวกับผู้เขียน: ... ใครรู้จักก็บอกๆ ผู้อ่านด้วยครับ (โกหก หมิ่นประมาท ขอให้เปอร์ สาธุ _/\_)

Rant Zone:
- บ่นๆๆ โอ๊ย ยากมาก มิดเทอม อ๊ากกก Winning Withdrawing Eleven ซะดีมั้ย >_<
- ทำไมตอนเราได้รางวัลกลับมานี่คนหมั่นไส้เยอะกว่าคนชื่นชมแฮะ
- ของเราไม่มีใครจดจำ ฮ่าๆๆ (นอกจากตอนอยากให้ผมช่วยสินะ? dTwTb)

2009-06-14

ไป "อร่อยติ่มซำ" เพื่อไปกินสุกี้

อ่าครับ คราวนี้เจ้าเก่าคนเดิมก็ชวนผมไปกินบุฟเฟ่ต์อร่อยๆ อีกร้านครับ คราวนี้เป็น "บุฟเฟ่ต์สไตล์ฮ่องกง" ครับ

ไปกันเลย! (สลับบางรูปมาเพื่อเรียบเรียงเนื้อหานะครับ อย่าแปลกใจถ้าเวลามันย้อนไปย้อนมา)

ที่ตั้งร้าน แถวๆ แยกเหม่งจ๋าย ถนนประชาอุทิศ ห่างจากแยกมาประมาณ 150 เมตร


ที่นี่บุฟเฟ่ต์หัวละ 199 บาท อาหารได้ทุกอย่างบนเมนู น้ำซุปฟรี มี refill น้ำเก็กฮวย ชา แล้วก็น้ำเปล่าครับ ถ้าจะกินแบบตามสั่งก็ได้เช่นกัน แต่สำหรับงานนี้เรากินเป็นบุฟเฟ่ต์ไปเลยครับ อ้อ ถ้าจะกินติ่มซำต้องจ่ายแยกนะครับ ไม่ได้รวมในบุฟเฟ่ต์

ใช้เตาเหนี่ยวนำแม่เหล็กด้วย เหมือนร้านดังในห้างฯ

เก็กฮวย แก้วใหญ่ๆ มันใหญ่จริงๆ ครับ เพราะเขาจะไม่ค่อยว่างเติม เลยเอาใหญ่ๆ ไปเลย

น้ำจิ้ม รสไม่จัดมาก รสชาติกลางๆ ถ้าอยากเผ็ดก็คงต้องขอพริกเพิ่มครับ

อุปกรณ์การเสพ เอ๊ย การลวก

ใบสั่ง!! เอ่อ สั่งอาหารน่ะ อย่าเขียนทีละเยอะๆ จะเป็นดี เพราะบางทีเขาก็หลงๆ ลืมๆ

สำหรับเมนูร้านนี้ที่เป็นบุฟเฟ่ต์ก็มีตามที่ท่านเห็นครับ เช่น เนื้อ (มีเนื้อสดกับเนื้อลาย) หมู ไก่ ปลา เนื้อแกะ ซาเต กุ้งสด เห็ดเข็มทอง ลูกชิ้นต่างๆ เต้าหู้ทอด ปลาสวรรค์ หมึก ฯลฯ

จานแรกมาแล้ว (ถ้าสั่งทีละหลายอย่างเขาจะรวมจานมาครับ) มีปลา ปูอัด ปลาสวรรค์ เกี๊ยว ลูกชิ้น แล้วก็อะไรบางอย่างที่หมกอยู่ (ผมไม่ได้สั่งเองครับจำไม่ได้)

หม้อลวก ด้านซุปใสเริ่มใส่ผักลงไปแล้ว

เห็ดเข็มทอง

เนื้อต่างๆ มีเนื้อสด เนื้อลาย เนื้อแกะ (มั้ง น่าจะมีอีก) (รีวิวยากแฮะเวลาเขารวมจานมาเนี่ย)

ซาเต รวม ได้มาก็ตีไข่คลุกลงไป แล้วค่อยเอาลงหม้อ (ระวังนะครับ น้ำหมักซาเตทำให้รสชาติซุปเปลี่ยนไป)

บะหมี่หยก ก็บะหมี่หยก ไม่พิเศษอะไร

โดยความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ...

เรื่องเนื้อต่างๆ ผมว่าเขาใส่ใจพอที่จะแล่ด้วยเครื่อง จึงทำให้เนื้อที่ได้นั้นบางและสุกได้ง่าย ทั่วถึงดีครับ บางร้านไม่ค่อยคำนึงถึงเรื่องนี้ ถ้าเป็นสุกี้ละไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นหมูกะทะละมันจะไม่สุกเอา แต่ร้านนี้เขาทำดีกว่าครับ ทั้งน่ากินและไม่เสียอารมณ์

ใครคิดสั่งลูกชิ้นต่างๆ ผมเองอยากแนะนำว่าไม่ต้อง เพราะลูกชิ้นที่นี่ไม่โดดเด่นเท่าเนื้อแน่นอนครับ
การสั่งร้านนี้เอาแน่ไม่ค่อยได้ บางทีผมสั่งไป "ใบสั่ง" ก็ถูกทิ้งไว้ที่เคาน์เตอร์ ไม่มีใครสนใจ ต้องหมั่นขยันติดตามผลครับ ถ้าผ่านไปซักพักไม่ได้ก็สั่งใหม่ไปเลย (หรือเพราะวันนี้เถ้าแก่ไม่เข้าหว่า?) สรุปเรื่องบริการนั้นแค่ "พอใช้" ครับ (ที่ยังให้พอใช้เพราะถึง service mind จะไม่ดี แต่ถ้าเรียกหาตรงๆ เขาก็ทำให้ครับ)

โดยรวมแล้วก็ไม่มีคำแนะนำอื่นๆ เป็นพิเศษแล้วครับ ส่วนรูปก็หมดแค่นี้ เพราะหลังจากนั้นก็กินสะบั้นหั่นแหลกกันทั้งบ้าน (เหอๆ)

เหมือนเดิม หลังจากคราวที่แล้วได้แค่ "ตอบรับ" คราวนี้เลยพยายามอัญเชิญพี่ "KaewGB" อีกครั้ง

2009-06-07

กินข้าวเย็น ที่ Rib & Chop

วันนี้ ด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่ทราบ ท่านแม่ ได้แนะนำชวนชิมร้านบุฟเฟ่ต์ (จริงๆ เรียกบุฟเฟ่ต์ไปเลยก็ไม่น่าจะตรงนัก เพราะเราไม่ได้ตักเอง น่าจะเป็น "All you can eat" มากกว่า) แห่งหนึ่งแถวๆ พระราม 5 ครับ

ตามหัว entry ได้กล่าวไปแล้ว ร้านนี้ชื่อ Rib & Chop อยู่ปากซอยนครอินทร์ 5 เลยคอสะพานไปหน่อย (ถ้าขึ้นสะพานละไม่ใช่นะครับ) ราคา 299+ เท่านั้นเอง น้ำเปล่าฟรี มีโค้กรีฟิลล์ (แต่ผมไม่สั่งครับ มันทำให้อืดไว กินได้น้อย หึหึ)

โต๊ะในร้านที่เราไปนั่งกัน มีนิตยสารให้นั่งอ่านด้วย (พอเริ่มกินก็ไม่ได้อ่านแล้ว เหอๆ)

บรรยากาศในร้าน จองหมดแทบทุกโต๊ะ

สำหรับเมนูของร้านนี้ก็ตามนี้ครับ

นอกจากนี้ยังมีเครื่องเคียงอีกนิดหน่อย เช่น โคสลอว์ มันบด มันฝรั่ง ข้าวกระเทียม ฯลฯ แต่ไม่ได้ถ่ายมาครับ ถ้าจะสั่งกิน แนะนำว่าอย่าเพิ่ง เพราะอาหาร main course หลายๆ อย่างจะมีติดมาบ้างอยู่แล้ว

จานแรกครับ สลัดซีซาร์ ไม่รู้ว่าผักอะไรเพราะไม่ค่อยได้กิน แต่ก็อร่อยดีครับ

หอยตลับผัดกับไวน์ขาวและใบโหระพาสด... โหระพา? เห็นแต่เบคอนครับ 555+

อันนี้สองอย่างรวมกันครับ กุ้งกับปลาหมึกชุบแป้งทอด แป้งกรอบกำลังดี ไม่แข็งเกินไป

เต้าหู้ญี่ปุ่นทอด ราดซอสเทริยากิ พบว่าไม่ค่อยจะโดน สงสัยเป็นเพราะไม่เข้ากับแนวทางของร้าน

ปีกไก่ทอดราดซอสบาร์บีคิว ในเมนูบอกว่าเผ็ด แต่ผมว่าไม่เผ็ดนะครับ กินกำลังอร่อยเลย

ซุปครีมเห็ด ข้นดีครับ น่ากิน

เขาบอกว่ามันเป็น Lobster Soup ครับ แต่ไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะทำให้ผมเชื่อ >_<

Main Course เริ่มมาครับ จานแรก Pork Cutlet หมูนุ่มอร่อยกำลังดี

ไส้กรอกทำเองของร้าน ไม่ใช่หนอนชาเขียวนะครับ ^ ^

ซี่โครงหมูบาร์บีคิว อร่อยมากมาย จานนี้มีมันบดมาด้วย (แน่นอน มันบดอร่อยกว่าตอนผมไปอเมริกาเยอะ!)

สปาเกตตี คาโบนารา พอใช้ได้แต่... (ผมว่ามันจืดไปหน่อย ใส่เกลือซะ)

ไก่หมักเครื่องเทศย่าง หนังกรอบ พร้อมซอสบาร์บีคิวและโคสลอว์

จานนี้ เพสโต ครับ ผมว่าก็อร่อยดี แต่ก็ใส่เกลืออีกนั่นแหละ >_<

ข้าวผัดกระเทียมเทียมเทียมๆๆๆๆๆ กลิ่นกระเทียมชัดแบบนี้ ผ่าน!! ^ ^

ปิดท้ายด้วยขนม น่าจะพุดดิ้ง รวมในบุฟเฟ่ต์ครับ สั่งได้เลย

ตัวผมเองก็มีข้อแนะนำสำหรับท่านที่สนใจนะครับ ได้แก่...
1. จองก่อน เพราะร้านมีที่น้อยมาก แค่คนจองอย่างเดียวก็เต็มแล้ว เหมือนร้านพวก VIP เลยละ โทรไปจองได้ที่ 02-965-3430 นะครับ
2. ร้านนี้เปิด 5 โมงเย็นนะครับ ถ้าไปก่อนของจะยังไม่ค่อยพร้อม แต่...
3. ถ้าไปช้า คนจะเยอะ สั่งอาหารจะได้ช้าลงไปอีก!!
4. เวลาสั่งอาหาร แนะนำให้เรียกมาให้จดเลย อย่าหันไป "น้องๆ! (หรือ พี่ครับ!/คะ!) ขอ..." เพราะโดนกับตัวเอง สั่ง Pork Chop ด้วยวิธีนี้ ผลคือ ไม่ได้กิน ครับ
Person of the Article: KaewGB - สาเหตุ ไปกินแล้วนึกถึงพี่แก้วครับ

2009-05-18

MOS Olympic 2009

ผมเริ่มเขียนบล็อกหน้านี้ด้วยอารมณ์หลายๆ อย่างครับ ได้แก่ อยากเชิญชวน ผิดหวัง เศร้าใจ และคาดหวัง

หลายท่านคงทราบจาก Fwd Mail ของผมแล้วว่าจะมีการแข่งขัน MOS Olympic 2009 ซึ่งก็จะเป็นการคัดเลือกคนไปแข่งขัน Certiport Worldwide Competition ที่ Toronto, Canada.

แต่ว่า จากเดิมมีผู้เข้าแข่งขันมากมาย ทำไมปีนี้เหลือไม่ถึงสองร้อยคนครับ ผมไม่เข้าใจว่าปีนี้เขาก็ให้ฟรีสถาบันละ 4 คนแล้ว แต่ก็ยังไม่ค่อยมีใครสมัคร ทั้งๆ ที่น่าจะมีบ้างแล้วด้วยซ้ำ

ครับ ตัวผมเองทราบดีว่ามันกระชั้นมาก แต่ผมก็ว่าพวกเราทุกคนควรจะติดตามข่าวสารบ้างนะครับ เพื่อไม่ให้ท่านเสียโอกาสดีๆ

เราเพิ่งได้แชมป์กันมาปีเดียว คงไม่มีใครอยากโยนทิ้งเฉยๆ หรอกนะครับ โดยเฉพาะเกษตรทุกฝ่าย (ผมได้รับรายงานพิเศษมา) ซึ่งผมอยากให้ความสำคัญมากในฐานะสถาบันที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติมาเมื่อปีที่แล้ว ว่าท่านจะทิ้งชื่อเสียงที่เราสร้างกันมาไว้ตรงนั้นหรือ?

ตัวผมเองนั้นเป็นแชมป์ไปแล้ว ก็ใช่ เป็นไปแล้วและตัวผมเองไม่มี "หน้าที่" ที่ต้องไปป้องกันตำแหน่ง แต่ท่านในฐานะคนไทย น่าจะเห็นความสำคัญกันบ้างครับ ปีนี้ไม่มีการแข่งโอลิมปิกมาบดบังแล้วครับ เต็มที่ไปเลย (ปีผมละชนะมาก็ไม่มีใครสนครับ เพราะเล่นกีฬามันเท่กว่า เหอะๆ)

หากท่านสนใจเข้าร่วมแข่งขัน โปรดดู http://www.arit.co.th/MOS%20Olympic%202009.asp ครับ

ขอขอบพระคุณอย่างสูง
LunaticNeko
ไม่ต้องบอกก็รู้มั้งว่าใคร

----------

อ่ะ ยั่วน้ำลาย รางวัลตัดสินรวมมัธยม + มหาลัยนะครับ


  1. รางวัลชนะเลิศ จำนวน 2 รางวัล (โปรแกรมละ 1 รางวัล) ได้แก่
    ตั๋วเครื่องบินไปกลับแคนาดา ซอฟต์แวร์จากบริษัทไมโครซอฟท์
  2. รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 จำนวน 2 รางวัล (โปรแกรมละ 1 รางวัล) ได้แก่
    เงินรางวัล 8,000 บาท , ซอฟต์แวร์จากบริษัทไมโครซอฟท์
  3. รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 จำนวน 2 รางวัล (โปรแกรมละ 1 รางวัล) ได้แก่
    เงินรางวัล 5, 000 บาท ซอฟต์แวร์จากบริษัทไมโครซอฟท์
  4. รางวัลชมเชย จำนวน 6 รางวัล (โปรแกรมละ 3 รางวัล) ได้แก่
    เงินรางวัล 2, 000 บาท ซอฟต์แวร์จากบริษัทไมโครซอฟท์

----------

ฉบับนี้ถึงชาวสาธิตเกษตรนะครับ

นี่พี่เชาเองนะ พี่ได้รับเมลจากกรรมการท่านหนึ่งว่าพวกเราไม่มีใครสนใจกันเลย ปีที่แล้ว ตอนพี่ขึ้นเวที พี่นึกว่าน้องๆ ตั้งใจฟังกันมาก แต่ตอนนี้พี่รู้แล้วละว่าน้องหลับ เพราะไม่เห็นมีใครสนใจสมัครกันเลย

ถ้าพี่เข้าใจผิดก็ขอโทษนะครับ เอาเป็นว่าถ้าน้องสนใจก็สมัครได้ตามลิ้งค์เดียวกับ "จดหมาย" ฉบับบน

พี่รู้ครับว่าโรงเรียนเราเดินเรื่องกันค่อนข้างช้า เพราะไม่มีทีมแข่งถาวร (ถ้าชมรมวิชาการช่วยได้ก็โปรดกรุณาเถอะครับ เพราะงานท่านไม่ใช่แค่จัดกิจกรรมพัฒนาบุคคลนะ) ดังนั้นน้องๆ ควรสนใจดูแลตัวเองกันบ้าง

พี่ก็จบจดหมายนี้ในฐานะของ "รุ่นพี่ที่เป็นห่วง" คนหนึ่ง พี่ก็ไม่รู้น้องจะอ่านกันจบมั้ย แต่พี่ขอฝากคำพูดของพี่เองเมื่อปีที่แล้วไว้นะครับ

"พี่ก็ไม่ได้เก่งอะไรเลย แต่พี่อาศัยความพยายามครับ"

น้องเก่งกว่าพี่ พี่รู้ เพราะพี่ไม่เก่งจริงๆ และถ้าน้องพยายาม น้องก็จะไปได้มากกว่าพี่นะครับ

เอาละพอแล้ว เดี๋ยวมันจะกลายเป็นเรื่องส่วนตัวมากกว่าบล็อกบ่นขาประจำ โชคดีนะครับ

LunaticNeko (OKUS34)

-------
EDIT 1: สาธิตเกษตรท่านใดสนใจสมัคร สมัครได้เลยไม่ต้องกลัวเสียวันเรียน ผมไปฮาวายมา 7 วันเขาไม่คิดวันลาเลยซักวัน แถมขาดเรียนไปให้สัมภาษณ์ก็ไม่เช็คขาดด้วยนะเอ้อ คุ้มนะเว้ย (แต่ต้องมีหนังสือเชิิญมานะ)

2009-04-13

ความฝัน

ผมเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนเคยฝัน ตอนนี้มนุษย์ทุกคนก็ยังฝัน ความฝันเป็นตัวขับเคลื่อนความเจริญก้าวหน้าแห่งอารยธรรมมนุษย์ สร้างทัศนคติทางบวกให้แก่ชีวิต เป็นเป้าหมายในการดำเนินชีวิตของทุกๆ คน

บางครั้งเราก็ฝันดี บางครั้งเราก็ฝันร้าย บางคนฝันอยากมีนั่นนี่มากมาย บางคนฝันอยากเป็นคนดี บางคนฝันว่าอยากรวย บางคนฝันว่ามีที่ๆ อยู่แล้วมีความสุข

บางคนฝันอยากเป็นครู บางคนฝันอยากเป็นหมอ

บางคนฝันเป็นสี บางคนฝันเป็นขาวดำ แม้คนตาบอดก็มีความฝัน

วันนี้ ผมอัญเชิญอีกความฝันมาฝาก ความฝันนี้อาจฟังดูเหมือนฝันเล็กๆ สำหรับคนหลายคน แต่สำหรับท่านที่ผมอัญเชิญฝันนี้มา เป็นฝันอันสูงสุดครับ

เพลง ความฝันอันสูงสุด
เพลงพระราชนิพนธ์ ลำดับที่ ๔๓
ขับร้อง : สันติ ลุนเผ่


ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ
ขอสู้ศึกทุกเมื่อไม่หวั่นไหว
ขอทนทุกข์รุกโรมโหมกายใจ
ขอฝ่าฟันผองภัยด้วยใจทะนง

จะแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด
จะรักชาติจนชีวิตเป็นผุยผง
จะยอมตายหมายให้เกียรติดำรง
จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา

ไม่ท้อถอยคอยสร้างสิ่งที่ควร
ไม่เรรวนพะว้าพะวังคิดกังขา
ไม่เคืองแค้นน้อยใจในโชคชะตา
ไม่เสียดายชีวาถ้าสิ้นไป

นี่คือปณิธานที่หาญมุ่ง
หมายผดุงยุติธรรมอันสดใส
ถึงทนทุกข์ทรมานนานเท่าใด
ยังมั่นใจรักชาติองอาจครัน

โลกมนุษย์ย่อมจะดีกว่านี้แน่
เพราะมีผู้ไม่ยอมแพ้แม้ถูกหยัน
คงยืนหยัดสู้ไปใฝ่ประจัญ
ยอมอาสัญก็เพราะปองเทิดผองไทย

สำหรับคนที่ฝันสิ่งดีๆ ให้ชีวิตของตัวเอง เพื่อส่วนรวมหรือคนอื่น ผมขออนุโมทนาครับ
แต่คนที่ฝันชั่ว คิดผิดทั้งหลาย ตื่นได้แล้วครับ

คนไทยรักกัน รักกันได้ไหม?

วันนี้ผมได้ฟังได้อ่านข่าวที่น่าเศร้าใจมากมาย ประเทศไทยกำลังประสบภาวะย่ำแย่อยู่แล้ว ตอนนี้ยังจะพยายามเอาชนะกันเองโดยไม่สนใจเหตุผล เอาแต่อำนาจและทุกสิ่งที่มีทุ่มเข้าใส่ หยุด แล้วดูคลิปเพลงี้แป๊บนึงครับ ขอเวลานิดเดียว



"วันนี้ถ้าไร้ชาติไทยอยู่ แล้วเราจะอยู่ตรงไหน?"

อย่างน้อย ผมเชื่่อว่าท่านที่ยังฟัง ยังอ่านภาษาไทยออกบ้างจะพอเข้าใจ

คนเสื้อแดงครับ ท่านทำแบบนี้ไปทำไม สิ่งที่ท่านทำแล้วเกิดการบาดเจ็บมากมายแบบนี้หรือประชาธิปไตย? สิ่งที่ท่านทำก็คือการยึดอำนาจที่ท่านเกลียดไม่ใช่หรือ? หรือท่านเป็นแค่พวก NIMBY (Not In My BackYard) ที่ใครเดือดร้อนอะไรก็ช่าง ขอแค่กู (ขออนุญาตครับ) อยู่สุขสบายงั้นหรือ

ประเทศไทยกำลังจะพังพินาศ เศรษฐกิจหยุดชะงัก การท่องเที่ยวหายหมด ประเทศไทยกลายเป็น Quarantine ไม่ก็ Lockdown ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับเมืองที่ติดเชื้อโรคร้ายแรงและต้องไม่แพร่กระจายไปที่อื่นอีก

รัฐบาลครับ ความศักดิ์สิทธิ์ของท่านหายไปไหน ทำไมไม่ใช้มาตรการตามกฎหมาย ท่านสามารถยิงใครก็ตามที่เข้าใกล้ท่านได้ทันที เพราะเป็นการคุกคาม พวกเขามีอาวุธกันเห็นๆ ทำไมท่านไม่ตอบโต้?

ผมเห็นรถของท่านถูกจอดให้ "ยึด" ไปเฉยๆ เหมือนจะยกให้ฟรีๆ แบบนี้หมายความว่าไงครับ เงินภาษีของพวกเราไปไหนหมด? ยกให้พวกนี้ฟรีๆ หรือ? (หากท่านจะด่าผมเพราะผมยังไม่ถึงวัยทำงาน ผมจ่ายทั้ง VAT 7% และภาษีรางวัล 5% นะครับ)

แต่ที่สำคัญคือท่านควรลาออกครับ เพราะท่านหมดความชอบธรรมแล้ว หากใครจำนวนมหาศาลรังเกียจคุณขนาดนี้ ก็ลงๆ เถอะครับ "รีเซท แล้วเริ่มใหม่"

ย้ำอีกครั้ง หากไม่แก้ไขตอนนี้ ประเทศไทยจบแน่นอนครับ แต่ถ้าหากไม่มีใครคิดจะแก้ไข ผมยังเหลืออีกทางเลือก

คนที่เหลือครับ ใช่ คุณที่อ่านอยู่นั่นแหละ ผมอยากให้ทุกท่านรับฟังสื่ออย่างมีสติ ใช้วิจารณญานให้มาก พยายามอย่าหลงเชื่อคำยั่วยุ หลงเชื่อสื่อ ตอนนี้สื่อหาความเป็นกลางได้ยากยิ่ง เพราะสภาพเหตุการณ์ที่มีการแบ่งฝ่ายชัดเจนขนาดนี้ ถ้าคุณอยู่ฝั่งแดง คุณจะพบว่าแดงนั้นดีไปหมด แต่พอคุณกลับมาทางรัฐบาล อ้าว แดงเป็นศัตรูอีกแล้ว เป็นต้น (ไม่ได้ว่าใครนะครับ)

สิ่งที่ผมอยากเห็นคือการเลือกตั้งที่ Fair and Square จากนั้นทุกคนจบ เลิก คดีความเก่าสะสางได้ แต่อย่าลากมาเกี่ยวกับการเมือง เพราะระบบตุลาการเป็นคนละส่วนกันกับนิติบัญญัติและบริหาร

มาเริ่มต้นกันใหม่ ขณะที่คนไทยยังมีความหวัง

หวังว่าเสียงเล็กๆ นี้จะกระทบใจคนได้ไม่มากก็น้อย

ใช้สติมากๆ นะครับ เพราะนั่นคือเครื่องหมายของความเป็นมนุษย์

สงกรานต์แล้วนะครับ เลิกเกรียนกันซักที ทำผมอดไปรดน้ำดำหัวญาติๆ เลย

2009-03-18

เขาชนไก่ ชั้นปีที่ 3 - ROTC Field Training: 3rd Year

วัน ว. - D-Day
ข้าพเจ้าลงจากรถ ลาผู้ปกครองที่มาส่งข้าพเจ้าที่หน่วยบัญชาการกำลังสำรอง (สวนเจ้าเชตุ) สะพายเป้ เดินไปยังประตู ผ่านฝูงคำถามมากมายซ้ำซากว่า สายเก่งใส่อย่างไร บ้าง สายเก่งมีประโยชน์หรือไม่ บ้าง ซึ่งข้าพเจ้าก็เบื่อเหลือเกิน แต่ก็ตอบเพราะเห็นว่าเขาเหล่านั้นเป็นรุ่นน้องทั้งสิ้น และควรได้รับข้อมูลที่เขาสมควรได้รับ
I stepped down from my parent's car, bid them goodbye and backpacked into the Army Reserve Command, through repeated question on how to wear the load harness, its uses and if any, necessity. I tried to keep myself calm and answer them just because they're all my juniors and deserve to have the truth.


ภาพ: รวมพลที่หน่วยบัญชาการกำลังสำรอง สวนเจ้าเชตุ
Preparing for assembly at Army Reserve Command


จากนั้น พวกเราพากันไปรวมพลที่ที่รวมพลในสวนเจ้าเชตุ ขึ้นรถไปยังอุทยานประวัติศาสตร์สงครามเก้าทัพ
We assembled, and rode to Nine-Army Battle Historical Park.


2 ภาพ: เดินทางจากกรุงเทพฯ ไปยังอุทยานประวัติศาสตร์ สงครามเก้าทัพ
2 Pictures: In transit to Nine-Army Battle Historical Park

สงครามเก้าทัพ เป็นสงครามในปี พ.ศ. 2328 ในสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พม่าในยุคนั้นมีพระเจ้าปดุงปกครอง ได้ยกทัพมาทั้งหมด 9 ทัพ กำลังพล 144 000 นาย กระจายกำลังบุกทั้งจากทางเหนือและใต้ ใช้ทัพบกและทัพเรือประสานกัน โดยกำลังหลักส่วนใหญ่ได้บุกผ่านด่านเจดียสามองค์
The Nine Armies War was a conflict between Siam and Burma in 1785, back in Rama I's reign. King Bodawpaya of Burma coordinated an attack heading for Bangkok using 9 armies, with total strength of 144 000 men, from both the north and south, on land and from sea. Most of the forces came through the Three-Padoga Pass, which led to Kanchanaburi.

ฝ่ายไทย พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชได้จัดทัพ 4 ทัพ โดยประกอบไปด้วยทัพที่จะไปต้านการรุกรานทางเหนือ ใต้ ตะวันตก และทัพหลวง ผลสำเร็จสำคัญที่ทำให้ไทยชนะสงครามครั้งนี้คือการต่อสู้ที่ลาดหญ้า จังหวัดกาญจนบุรี ฝ่ายไทยมีกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทเป็นแม่ทัพ ใช้การทำลายเสบียงและสงครามนอกแบบในการกำจัดข้าศึกจนทัพพม่าเสียขวัญและถอยทััพในที่สุด หลังจากนั้น ทัพอื่น ๆ ของพม่าก็พ่ายแพ้ไป ไม่สามารถทำการรบต่อได้ ประเทศไทยจึงรักษาเอกราชไว้ได้
In Siam, King Rama I the Great assembled 4 armies, three protecting each side from the assault, and one under his own command as reserves. The decisive victory was caused by the battle of Lat Ya. Siam's western army, led by Maha Sura Singhanat (Rama I's younger brother), used superior tactics, attrited the Burmese, and forced them to retreat. Other Burmese armies were then defeated by other regional armies, heroes, and heroines. Thus, Siam decisively won against the Burmese.



ภาพ: เตรียมพิธีเปิดการฝึก
Preparing for opening ceremony.

ต่อมา เราก็ได้เข้าสู่ค่ายฝึกนักศึกษาวิชาทหาร เขาชนไก่ พิธีเปิดเพื่อมอบอำนาจนักเรียนผู้บังคับบัญชา (อำนาจนิดเดียว หน้าที่เยอะ ๆ = =") ทิ้งสัมภาระทั้งหมดไว้ที่กองพัน แล้วไปยังสถานีฝึกที่ 31 สนามยิงปืน เพื่อทบทวนการยิงปืน ปลย.11 (HK33) จากนั้นเข้าที่พักเพื่อจัดกำลังเข้ากองร้อย กองพัน และหมวด
Then we reached the bounds of the Khao Chon Kai training camp. The opening ceremony rolls to open the training (for our group), give authority (but even more duties) to certain students. We dropped our belongings at the Battalion and continued on to Training Station #31 - the shooting range - to refresh our knowledge and skills for HK33. Then we headed back to the camp to organize ourselves into the "hierarchy" and be assigned tents.


ภาพ: ผ่านพื้นที่กองพันปกครอง
Passing the camp site.


ภาพ: รับประทานอาหารกลางวัน
Eating out- the Lunch!

3 ภาพ: ทบทวนการใช้ ปลย.๑๑ (HK33)
3 Pictures: Refreshment on HK33

ข้าพเจ้าถูกจัดเข้ากองพัน 32 ผลัดที่ 26 กองร้อย 2 หมวด 3 หมู่ 4 เป็นหัวหน้าหมวด
(For reference to other students only - you won't need this paragraph.)


ภาพ: เดินทางกลับกองพัน
Marching back to the camp.

ภาพ: จัดของเข้าที่พัก
Moving in

จากนั้นเราก็ปฏิบัติภารกิจส่วนตัวบ้างฟังบรรยายต้อนรับบ้าง โดยต้องใช้เวลาสักพักจึงจะคุ้นเคยกับที่นี่ แม้ว่าเมื่อปี 2 จะเคยมาที่นี่แล้วก็ตาม เนื่องจากสภาพของปี 2 และปี 3 ไม่เหมือนกัน หลังจากนั้นเราจึงได้กินข้าวเย็นและพักอีกครั้ง สวดมนต์นอน (คืนแรกไม่มีการอาบน้ำ เป็นการฝึกความอดทน)
We completed our personal needs, listened to briefings, welcomes, and traditional stuffs. It took a while, for me personally, to get familiar with this place; even though I was here a year ago. After a while we had dinner, another break, prayers, and went to sleep right away. (No shower, juniors! Be warned!)

ข้าพเจ้านอนเต็นท์คนเดียว เนื่องจากเพื่อนของข้าพเจ้าขอย้ายไปนอนด้วยกันเป็นกลุ่มเพื่อความบันเทิง และข้าพเจ้าก็ไม่ได้หาใครมาแทนที่ จึงกลายเป็นว่านอนคนเดียว
Actually, I'm a single loner in one tent. Even though we have buddy system, my supposed buddy from another school went to join their "party" and I didn't bother to find someone else.

วัน ว+1 - D+1
ตื่นเช้าขึ้นมา ข้าพเจ้ารีบแต่งตัว สั่งรวมพลในหมวดทันที เพื่อเตรียมออกเดินเท้าไปยังสนามยิงปืน ซึ่งอยู่ค่อนข้างไกล และใช้เวลาเดินนานพอสมควร
In the morning, I get dressed up, assembled the platoon ASAP, eat whatever we could, and marched off to the shooting range.


ภาพ: ทบทวนการยิงอีกครั้ง
Refreshments for those who learned, crash-course for those who didn't.

เมื่อถึงสนามยิงปืนด้วยกระสุนจริง สถานี 31 พวกเราจัดชุดยิงชุดละ 60 คน และทบทวนขั้นตอนอีกเล็กน้อยก่่อนที่จะรอขึ้นแนวยิง สำหรับขั้นตอนในการยิงจะขอไม่กล่าวถึง
After reaching Station 31, we assembled into groups of 60, listened to more revisions and waited at the line. The procedure itself is classified, unfortunately.




3 ภาพ: "ซ้ายพร้อม ขวาพร้อม แนวยิงระวัง!!" "ปลดห้ามไก!" "เริ่มยิง!"
3 Pictures: "COMMENCE FIRE!"

เมื่อยิงเสร็จแล้วก็จะต้องตรวจหาปลอกกระสุน (ห้ามนำกลับบ้าน) ส่งเป้าเพื่อบันทึกคะแนน และเดินทางกลับไปยังกองพันเพื่อรอกินข้าวเที่ยง
After shooting however, we must collect all the remaining bullet cases. (Pocketing them is strictly prohibited!) Returned the paper targets for scoring, and marched back for lunch.


2 ภาพ: ฐานกิจกรรม (ที่ไม่ได้ใช้เพราะชำรุด)
2 Pictures: 20% of the Obstacle Course

หลังอาหารเที่ยง เราออกเดินทางไปยังบริเวณสถานี 34 ซึ่งเป็นฐานที่สอนอยู่หลายเรื่องพอควร โดยวันนี้ได้ฝึกการข้ามเครื่องกีดขวาง 10 ชนิด (แต่ก็ได้ทำจริง ๆ ไม่ถึง เพราะบางอันอยู่ในสภาพไม่พร้อมใช้งาน) และเดินขึ้นเขาเพื่อฝึกการหาข่าวและสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ตรงนี้ยอมรับว่าเหนื่อยมาก เพราะเดินขึ้นเขาเป็นระยะทาง 2 กิโลเมตร เดินพลางพักพลางไปเรื่อยจึงใช้เวลานานมาก ข้าพเจ้าเป็นตะคริวตอนประมาณระยะทาง 1900 เมตร เนื่องจากเหนื่อยมากแต่ยังพยายามเดินต่อ (เกือบตกเขา กลับไปเริ่มใหม่ เหอๆๆ)
After lunch, we moved to Station 34, which was quite a variety of stations. Today we trained in the 10-part obstacle course and conducted an intelligence patrol uphills. 2 kilometers was very tiring, as there wasn't much fun in it. I had cramps at 1900 meters, due to Murphy's Law.



ภาพ: หัวหน้ากองร้อย 3
3rd Company Commander


ภาพ: จากยอดเขาเล็ก ๆ
From the little steep pile of absolute dirt.

จากนั้น บนยอดเขาได้รับแจ้งว่าจะมีการฝึกยิงปืน ค. ให้รีบลงจากเขาเนื่องจากอาจไม่ปลอดภัย พวกเราจึงฟังบรรยายเล็กน้อยแล้วลงเขาทันที ตรวจสอบยอดทั้งหมดแล้วกลับกองพัน คืนนี้พวกเราได้อาบน้ำกันไม่ถึง 1 นาที จัดการภาระกิจส่วนตัวแล้วนอน
At top of the hill, we were told that the mortars will begin firing for the seniors' exercises. We had to get back to the camp after a brief boring lesson. All men checked in, we moved back to the camp, took a less-than-a-minute shower, a break and then to sleep.

วัน ว+2 - D+2
ข้าพเจ้าตื่นแต่เช้า เนื่องจากวันนี้ต้องเก็บของเพื่อย้ายไป "พักแรมในป่า" ที่สถานีฝึกที่ 32 ในตอนเช้า ซึ่งเขาเรียกตัวเองว่า Dreamworld (วงเล็บว่า เป็นฝันร้ายนะ)
We woke up even earlier today, packed up and moved to "Forest Site" at Station 32 right in the morning. The particular station called itself Dreamw World of Nightmare.


ภาพ: วางกระเป๋าที่สถานี 32
All you can steal... I mean, all we deposited, at Station 32.

ข้าพเจ้าได้ฝึกการเคลื่อนที่รูปขบวนหมู่ (เหนื่อยมาก และไม่สนุกอย่างที่คิด) การพราง (ซึ่งถ้าใครทำอะไรขัดใจอาจได้หน้ามืด หมายถึงพรางดำทั้งหน้า) กะระยะด้วยสายตาและนับระยะก้าว (โดย 130 ก้าวจะได้ประมาณ 100 เมตร) และฝึกสังเกตการณ์
We trained squad-level movement and formation (sounds easy?), camouflage (you get "blacked out" if you do it wrong, i.e. you get your face painted in total black), range estimation, and observation.



ภาพ: สถานีย่อย การพราง
Camo Substation. High risk of "Getting Blacked Out"!

(ในวงเล็บคือ "ความจริง" ไว้เปรียบเทียบ)
จาก ชุดตรวจการณ์ที่ 1 (ชุดตรวจการณ์นี้มีขนาดใหญ่เป็นร้อยคน)
พบ รถถังข้าศึก โผลจากชายป่าด้านทิศตะวันตก (เป็นคัตเอาท์รูปรถถัง ขนาดเท่าของจริง มี นศท. ยืนถืออยู่ประมาณ 4 นาย)
เวลา 1048 น. (เวลาจริง)
กำลังเคลื่อนที่ไปทางทิศตะวันออก (นศท. ถือรูปรถถังเดินไปข้างหน้า แล้วย้อนกลับมาเก็บที่เดิม)

("Truth" in parentheses for comparison)
From: 1st Observation Team (this "Team" had like a hundred men)
What: Enemy tank from the woods to the west (a full-sized cut-out of a tank, with 4 students dragging it around)
When: 1048 hrs (true)
Doing: Moving to the east (the students drags the 'tank' to the east, then reversed into the woods it emerged from)

ในตอนบ่าย พวกเราเริ่มเข้าสู่แดนสนธยา ความล้าและความง่วงมาโดยมิได้นัดหมาย ข้าพเจ้าเข้าฝึกสถานีย่อย รูปขบวนทำการรบ ซึ่งไม่มีอะไรมาก เพราะข้าพเจ้าเป็นหัวหน้าหมวด เลยโดนจับแยกมาช่วยดูความเรียบร้อยแทนที่จะต้องจัดแถวเอง
In the afternoon, we entered afterworld, I mean, the world of our dreams. Someone started dreaming already. Uninvited guests like tiredness also came. Our company went to another substation which I essentially did nothing except taking care of problematic people. Fortunately, there wasn't one.

หลังจากนั้น พวกเราเข้าสถานีย่อย 324 เป็นเรื่องของการดำรงชีพในป่า เขาว่าไว้ดังนี้
Then we entered SubStation 324, Survival. The core of SURVIVAL was...

S = Size up the situation ประมาณสถานการณ์
U = Undue haste makes waste อย่าใจร้อนจะเสียการ
R = Remember where you are จำให้ได้ว่าอยู่ที่ไหน
V = Vanquish fear and panic ขจัดความกลัวให้สิ้น
I = Improvise (คงไม่ต้องแปลมั้ง)
V = Value living ชีวิตมีค่าสูงสุด
A = Act like the natives เข้าเมืองตาหลิ่วจงหลิ่วตาตาม
L = Learn basic skills มีทักษะติดตัวไปด้วย

ซึ่งถ้าแก้ให้เป็นไปตามกฎของเมอร์ฟี่ คงได้:
Which, edited under Murphy's Law, results in:

S = Shi-! happens! ความซวยเกิดขึ้นได้เสมอ
U = Understand that there's simply no hope สิ้นหวังแล้ว ยอมรับมันซะเถอะ
R = Remember, there are predators in the wild. อย่าลืมว่าในป่าก็มีผู้ล่า
V = Very last chance for your prayer. สวดมนต์ซะ ต่อไปจะไม่ได้ทำแล้ว
I = Idiots make up your squad คุณจะมีแต่ลูกหมู่โง่ ๆ
V = Value your life first เอาตัวเองให้รอดไว้ก่อน
A = Autosave does its job at the worst time! ระบบ Autosave ทำงานดีมากในช่วงกำลังซวยและลืมปิดมัน
L = Learn to save often next time! คราวหน้าก็เซฟบ่อย ๆ นะ

และ Z อีก 1 ตัว : 絶望した! (สิ้นหวังแล้ว!)
And another Z: 絶望した! (I'm in Despair!)


จากนั้นก็มีการแสดงงู ว่างูพิษและไม่มีพิษชนิดต่าง ๆ สังเกตอย่างไร มีจุดเด่นอะไรบ้าง
Then we saw a liitle snake show, distinguishing different types of snakes.




2 ภาพ: สถานีการดำรงชีพในป่า
2 Pictures: S.U.R.V.I.V.A.L. Make sure you do survive until the end!

แล้วเราก็ไปปฏิบัติเรื่องการทำอาหารด้วยหม้อสนาม ไม่ทันไรก็ได้ Alt+F4 กันทั้งหมู่ (และอีกหลายคนที่ Game Over, F, Time Up, Retired, Failed, Mission Failed, Bad Ending, Quest Failed ฯลฯ)
Now, we practiced cooking. As you might have guessed, we all got Game Over, F, Time Up, Retire, Failed, Mission Failed, Bad Ending, Quest Failed, and such. We, our squad, ended up with Alt+F4.

ในคืนนี้ พวกเราฝึกการรบในเวลากลางคืน หมายถึงการเดิน คลานในยามกลางคืน การมองเห็น การใช้สายตา ข้อควรระวังเรื่องไฟ ความเงียบ การแก้ปัญหาในกรณีฉุกเฉิน การหาทิศด้วยดาว เป็นต้น
And in the night, we trained night operations, including moving, crawling, observation, use of sight, dangers of fire (gives yourself away), silence, emergency handling, and navigation.

และสุดท้ายก็ได้เข้านอน คืนนี้เพื่อผ่อนคลาย เราได้รับอนุญาตให้นอนดึกได้ แต่ต้องไม่รบกวนผู้อื่น ซึ่งเต็นท์พวกเรามี 3 คน คุยกับเต็นท์ข้าง ๆ อีก 3 คน สุดท้ายก็เสียงดังจนได้
After the night training, we were sent to sleep. Tonight, we were allowed to remain awake longer but noise is still prohibited. Our tent had 3 persons, which talked to another 3 in another tent, and yeah, we narrowly got away. But I didn't do it though!

วัน ว+3 - D+3

ภาพ: สถานี 32 ---> สถานี 33
$currentStation = 32; $currentStation++;



ภาพ: จ่านรก
"Hell Sarge"


สถานี 33 จ่านรก มาแล้ว พวกเราออกเดินทางจากสถานี 32 ไปโดยการเดินเช่นเดิม และได้รับการต้อนรับจากจ่านรก ตำนานของการฝึก นศท. เป็นอย่างดี (ดังภาพ)
Here comes Station 33, the "Hell Sarge", legend of ROTCS! We marched from Station 32 and was dearly welcomed by the Sarge himself.



ภาพประกอบคำพูด (แต่งเอง)
A: จ่านรกเนี่ยนะ ก็โถ กลัวไปเอง มันจะทำอะไรเราวะ!
B: เห้ย แต่ใคร ๆ ก็บอกว่าน่ากลัวที่สุดนะเว้ย!
Me (ปลอกแขนสีแดง): ... (เดี๋ยวก็รู้ หึหึหึ)

Picture with Dialog (utterly misquoted)
A: Hell Sarge? No way, what would he do to us! He can't!

B: But hey, people say he's the toughest and the most fearsome!
Me (w/ red armband): ... (wait and see)

ไม่รู้เวลาผ่านไปนานแค่ไหน แต่ทุกอย่างที่ข้าพเจ้าติดตัวมาเปื้อนไปด้วยทรายหมดแล้ว หลังจากที่ได้รับการต้อนรับที่เยี่ยมยอดเช่นนั้น (จนใครบางคนเจตนาร้องเพลงเพี้ยน)
I didn't know how long it was, but I only knew that everything was covered in sand after that warm welcome. Some tried to sing a parody, and I think it's a good idea.


ภาพ: ต้อนรับอย่างอบอุ่น
Welcome to the Infantry, infantryman!

หลังจากนั้น พวกเราจัดกำลังใหม่เป็นฝ่ายเข้าตีและตั้งรับ เพื่อจำลองสถานการณ์ ในรอบเช้า ข้าพเจ้าอยู่ฝ่ายตั้งรับ ซึ่งจะต้องฝึกการรับและถอนตัวภายใต้ความกดดัน
After the fun "plays", we rearranged into two groups, attackers and defenders, to play out situation. I was on defense in the morning, which consists of a platoon that must defend and then retreat.


ภาพ: นศท. แมว ปกติ ธรรมดา สีน้ำตาล (<-- อะไรวะ = =")
Sergeant Neko U. Nyannyannya
(Sidenote: ditdin เมิงแน่ใจนะว่ากล้องมือถืออะ = =")

บ่ายวันนี้ร้อนมาก ร้อนขนาดว่า 40 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว ฝ่ายรุกในตอนบ่ายต้องเอาน้ำล้างตัวให้เย็น เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นลมแดด ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต
It was very hot, like 40 degrees Celsius. The assault teams need to soak themselves in cold water to prevent heat stroke, which can be lethal.


ภาพ: เข้าตี
The Assault, The Onslaught, The ... whatever.

ภาพ: นี่คือการซ้อม
This - is - a - drill!
ドリルだ! (ไม่ใช่ละ = =")

ข้าพเจ้าไม่ได้เข้าร่วมการฝึกรอบบ่าย เนื่องจากมีหน้าที่ต้องเก็บกวาดพื้นที่บรรยายให้เรียบร้อย และกว่าจะเสร็จ การเข้าตีก็เริ่มไปแล้ว ครูจึงให้ศึกษาวิธีการปฏิบัติโดยการสังเกตและฟัง ("นั่งดู") แทน
Unfortunately, due to menial stuffs like carrying the trash and cleaning the briefing room, I couldn't take part in the assault procedures training. I was ordered to learn by observation instead.



เมื่อการฝึกเสร็จสิ้น เราก็รับโอวาทจากจ่านรกอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นการใ้ห้โอวาทแบบครูกับศิษย์ ไม่เหมือนกับที่ต้อนรับเราเมื่อเช้า
After all the training is over, Hell Sarge gave us another speech, with a genuinely warm feelings, unlike the physical warmth he gave in the morning.









2 ภาพ: กลับกองพัน
Back to HQ


และในที่สุด การฝึกก็ได้จบลงอย่างไม่เป็นทางการเมื่อพวกเรากลับไปอาบน้ำที่กองพัน และแต่งตัวเตรียมขึ้นลานนันทนาการเป็นกิจกรรมสุดท้าย ฟังบรรยายเรื่องชีวิตหลังจบการเรียนรักษาดินแดน ความรักชาติ รักสถาบัน หน้าที่ และกิจกรรมร้องเพลงร่วมกัน (ข้าพเจ้าแก่หรือไม่?ที่ร้องตามครูได้ทุกเพลง)
And finally our trainings "formally" ended when we took a shower at the HQ, dressed up (almost) for the last course. It consisted of a few lectures about defense, nationalism, and duties, and then a few karaokes. (Did I fall into the "Old Trap" anyway?)


ภาพ:
เพื่อผองเพื่อน กูจะสู้ หลังชนฝา
เพื่อลูกเมีย กูจะสู้ สุดใจกล้า
เพื่อพี่น้อง กูจะสู้ สุดแรงล้า
เพื่อบ้านเมือง กูจะสู้ จนสิ้นเลือด หยดสุดท้าย
ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
Singing (let him have fun.)

จากนั้นเราเข้านอนกันเป็นคืนสุดท้าย ข้าพเจ้านอนไม่ค่อยหลับเลยเพราะต้องเก็บเต็นท์ที่นอนอยู่คนเดียว เลยไม่มีใครช่วย ไม่มีใครคุยด้วยเลย แต่ต้องขอบใจเต็นท์ข้าง ๆ ที่อุตส่าห์เสียงดังรบกวน ใครบางคนที่โคจรไปมา ชวนคุยไปเรื่อย และจู่ ๆ โลกก็มาหมุนวนรอบเต็นท์ข้าพเจ้า เพราะเสียงคุยมาวนรอบ ๆ จริง ๆ และมีคนเดินไปเดินมาเต็มไปหมด
We then came back for the last night's sleep. I couldn't, because I had to pack everything myself (I was alone, remember?) and thanks to some chit-chat people talking all around, walking all over, and evading all kinds of nighttime enforcement. The world seems to have revolved around me, but did not include me myself.


วัน ว+4 - D+4
ข้าพเจ้ารู้สึกกระปรี้กระเปร่าพอสมควรที่วันนี้ข้าพเจ้าได้กลับบ้านแล้ว หลังจากเหน็ดเหนื่อยมาหลายวันกับการทำหน้าที่หัวหน้าหมวด ซึ่งร่างกายของข้าพเจ้าไม่ได้แข็งแรงมากมาย แต่ก็ยังอดทนทำได้จนสำเร็จ ข้าพเจ้ารีบเก็บของและรายงานตัว คืนปลอกแขนผู้บังคับบัญชา
I felt moderately good that I will finally get home, after 4 days of working as platoon commander. My body wasn't engineered for it, but I managed to work through anyway. I quickly grabbed my belongings, reported to the HQ and returned the armband.



2 ภาพ: หอ 34 ฟุต ด้านขวาเห็นเมรุวัดชัดเจน ด้านหน้าเป็นเสา "เมน" สลิงเก่าแล้วใช้เชือกฟางแทน ฯลฯ
2 Pictures: 34' tower, with crumbling main poles, substantial of substandard stuffs, et cetera.



2 ภาพ: ฝึกไต่เชือกข้ามลำน้ำ
2 Pictures: River Crossing (substation)

พวกเราเดินทางไปยังสถานี 34 ซึ่งเป็นสถานีสุดท้าย ฝึกโดดหอ 34 ฟุต ซึ่งข้าพเจ้า (อีกแล้ว) ก็ได้ทำหน้าที่คอยรับนักโดดลงมาด้วย กว่าข้าพเจ้าเองจะได้โดดก็นานมาก ระหว่างที่ทำงานอยู่ก็นั่งคุยยืนคุยกับคนอื่น ๆ ไปด้วย
We marched (very short march) to Station 34, regarding 34' tower jump. It's me (again) and most of my platoon who stopped and released the jumpers. After a long duty, I got to jump myself.



ภาพ: หน่วยมูนดินสกัดกั้น เอ๊ย รับนักโดด
Jumper Arresters.

ตอนข้าพเจ้าขึ้นโดดนั้น ข้าพเจ้าไม่รู้สึกกลัวเลยแม้แต่น้อย เพราะข้าพเจ้าไม่ได้สนใจพื้นข้างล่าง สนใจแต่การโดดเท่านั้น เลยไม่ค่อยรู้สึกอะไรเท่าไหร่ ออกแนวบ้าพลังนิด ๆ ด้วยซ้ำ
At the time, I wasn't frightened at all. I totally ignored the height and jumped off, maybe a berserk I am.



2 ภาพ: กินข้าวเสร็จ นั่งรอทำพิธีปิด
2 Pictures: After Lunch, before Closing.



ภาพ: นักเรียนผู้บังคับบัญชา สาธิตเกษตร
KUS Commanding students

ภาพ: ลานพิธี พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว
Ceremony Area, with King Vajiravudh (Rama VI)

หลังจากโดดหอเสร็จ ก็ได้เวลากินข้าวเที่ยง ทำพิธีปิด และกลับสวนเจ้าเชตุ ระหว่างทางพวกเราแอบ "อัพเกรด" มาเป็นเสนาธิการทหารกันบนรถ รวมฝูงกัน 8 คน (นั่งเล่น Advance Wars = =")
After the final jump, we had lunch, closing ceremony, and returned to Army Reserve Command (in Bangkok), "upgrading" ourselves to Commanders on the way. (8 would-be sergeants playing Advance Wars = =")

ก็คงจบแต่เพียงเท่านี้ละครับ ต้องขอโทษอย่างยิ่งที่ช้า เนื่องจากการขอรูปค่อนข้างยาก ติดสอบนั่นนี่มากมาย ทำให้งานช้ามากครับ ก็ต้องขออภัยจริง ๆ
So it might just end here. I'm very sorry for being late posting this, because it took quite some time to get all pictures together, have exams and other works to do. Sorry again.

-- ภาพอื่น ๆ และที่พอจำหน้าได้ (รูปเล็กมาก ขออภัย) - More pics --



??? - ??? - ??? - ??? - ??? - พัชร
ใครอยู่ในรูปก็แจ้งด้วยครับ


วรรธนันทน์ - ??? - ???

วงศ์พัฒน์ - วิชญะ - วรมงคล - ???

??? - ??? - ??? - ???

[ต.อ.พ.] - ??? - ??? - จักรพงศ์ - คชรัตน์? - กฤษฎี
??? - ฉัตรชัย - Author - ???

กสิกิจ - ดนุเดช - ?? - คชฤทธิ์ - ไชยธรณ์? - กฤษฎี

พี่สิชน - พงศกร - ภาสกร - Author
The End
Significant Cast (by order of appearance)
(listing all would be impossible)

Station 31 Instructors
นศท. อนันตฤทธิ์ ขันเศรษฐพงศ์ (sp?) ผบ. กองพัน
นศท. ภาสกร เวชแพศย์ ผบ. กองร้อย 3
Station 324 Instructor & Snake
Hell Sarge

ルナチック猫
นศท. ศิวกร พงศ์กล่ำ กองร้อย 3



กองพัน 32 ผลัด 26 ม้าศึก ม้าศึก
คล่องแคล่ว ว่องไว ใจกล้า ม้านักรบ!


Pictures & Filming (by order of significance)
Acting 1st Lieutenant Wongsatit Wattanasere
All pictures have been used under permission (Lt. Wongsatit, Chuymaster, and Ditdin), or assumed to be public domain (Hell Sarge) for photography on duty as officer.
Director
Nobody but everybody


Special Thanks

Friends and Comrades
Instructors and Staffs

Photography contributors

All staffs and personnel at Khao Chon Kai

Royal Thai Army


Acting 1st Lieutenant Wongsatit Wattanasere
Mr. Songphon Phanuphas
Mr. Somnuek Pongkularb

All readers and subscribers!



Dedication

To the souls of those who preserved our independence until the last of their lives.
May you rest in peace for eternity.


edit: คำแนะนำสำหรับน้องๆ ที่กำลังจะไปเขาชนไก่ (พยายามไม่สปอยล์)

  • การใช้ชีวิตในค่าย และวินัยทั่วไป
    • เอาสัมภาระไปเท่าที่จำเป็น (ต้องให้บอกกี่ครั้งหา??) แชมพูไม่ต้องก็ได้นะ ถ้าหน้าไม่เป็นโรคผิวหนังก็ไม่ต้องเอาโฟมล้างหน้าไป เอาไปก็ไม่ต้องเยอะ
    • เขาสั่งอะไรก็ทำให้เหมือนที่เขาสั่ง ทำๆ ไปนั่นแหละ ทุกคำสั่งมีเหตุผล ทุกความจุกจิกทำให้ทำงานได้ถูกต้อง ทุกกฎมีเพื่อความปลอดภัย และทุกความเร่งรีบก็เพื่อให้ตรงเวลา
    • ก่อนอาบน้ำ เอาแชมพูราดหัวไว้เลยก็ได้ ทำทุกอย่างที่ไม่ต้องใช้น้ำให้เสร็จก่อนเข้า (มีเวลาราดน้ำไม่เกิน 1 นาที)
    • อาหารหลวงพอรับได้ ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องสหการตลอดก็ได้นะ (เรากินน้ำอะ)
    • ช้อน สำคัญ อย่าทำหาย และควรเป็นช้อนสั้น
    • กระติกน้ำไม่ควรเอาสิ่งอื่นใดไปใส่ เช่น น้ำหวาน (มดขึ้นแน่นอน) อยากหวานให้อมยาอม พอหมดก็ค่อยกินน้ำ มันจะมีรสชาติมากขึ้น
    • ส่งกระติกให้เพื่อนกินน้ำเรียกว่ามีน้ำใจ แต่ถ้ามีโรคติดต่อแล้วยังให้โดยไม่บอก เรียกว่าเลว
    • ถุงพลาสติกกันฝุ่นได้ดีมาก อะไรที่ห้ามโดนฝุ่นก็เอาถุงพลาสติกนี่แหละ
    • มือถือ ถ้าจะเอาไปก็ดี แต่รับผิดชอบเอง
    • ของมีค่า ใส่กระเป๋าเสื้อ ใส่กระเป๋ากางเกงมันจะหล่นหายหรือพังได้ง่าย
    • ไม่ไหวก็บอก อย่าฝืน เราไม่ต้องการฮีโร่ (แต่ก็อย่าสำออย)
    • ระวังการโดนส่งกลับให้มาก ถ้าโดนส่งกลับเพราะป่วยจะต้องไปซ่อมอีกรอบ
    • เชื่อฟัง (เพื่อน) ผู้บังคับบัญชา (พวกปลอกแขนสีๆ) ด้วย เพราะเขามักเป็นคนเดียวในหมวดที่รู้คำสั่ง!! = ="
    • ตื่นก่อนเวลากำหนด เตรียมตัวให้เรียบร้อย รวมพลก่อนกำหนดด้วยจะดีมาก (ขอบคุณ @ditdin ที่ช่วยย้ำใน rewrite)
    • พกเงินไป 500-700 บาท เน้นแบงค์ร้อยและยี่สิบ เผื่อสำรองอีก 200-300 เผื่อมีโครงการ "ไม่บังคับซื้อ แต่ทุกคนต้องมี"
    • คำทะลึ่งของครูเป็นเรื่องปกติ
    • เรามักคุยกับเพื่อนต่างโรงเรียนดีกว่าเพื่อนโรงเรียนเดียวกัน (เรียกเพื่อนต่างโรงเรียนว่า "นาย" หรือ "เค้า" แต่เรียกเพื่อนโรงเรียนเดียวกันว่า "มึง" หรือ "มัน" = =")
  • การฝึก
    • อย่าหวังอะไรกับการยิงปืน มีมาแล้ว เนิร์ดธรรมดาๆ ได้เหรียญ นักกีฬาทีมชาติไม่ได้อะไรเลย เพราปืนตั้งศูนย์ไว้พอเข้าเป้าได้เท่านั้น ไม่ได้ปรับละเอียด
    • ก่อนยิง ตรวจปืนว่า "ย-น" (semi) ไม่ใช่ "ย-ช" (auto)
    • ฝึกรูปขบวนทำการรบ แหกปากเข้าไว้ แนะนำให้เอายาอมไปด้วย อมหลังฝึกเสร็จ
    • เวลาอ่านคำสั่งจากโพยแบบออกเสียง เว้นจังหวะจะโคนให้ดี อ่านให้ชัด และรอเพื่อนทวนคำสั่งด้วย เช่น "หมู่ 1 // เคลื่อนที่ไปข้างหน้า // ด้วยวิธีการโผ // ไปทั้งหมู่ // ไปได้" ไม่ใช่ "หมู่หนึ่งเคลื่อนที่ไปข้างหน้าาาาาาาาาด้วยวิธีการโผผผผผผผผ ปายยยยทั้งหมู่~~~ ปายด้ายยยยยยยยย!!!!" (ระวังโดน)
    • ถ้ามี "หมู่จริง หมู่เงา" (คือสองหมู่ฝึกร่วมกัน ผบ. หมู่ยืนตำแหน่งเดียวกัน) ก็ช่วยๆ กันแหกปากด้วย อย่าปล่อยให้เพื่อนคุณเหนื่อย (ไม่ก็ผลัดกันแหกปาก)
    • อย่าคุยระหว่างครูสอน บางทีมีเกร็ดเล็กน้อยสำหรับใช้ในเวลาปฏิบัติ
    • ดำรงชีพในป่า เตรียมอาหารไปด้วย เป็นแผน B กรณี "Mission Failed"
    • ฐานฝึกข้ามเครื่องกีดขวาง ดูด้วยว่าอันไหนเขาไม่ให้เล่น เพราะมันชำรุด!!
    • จ่านรกไม่ใจร้าย แต่หนัก และโหด!
    • จ่าลามก เป็น parody ของจ่านรกอีกที ไม่โหด แต่หื่น
    • จำรูปขบวนหมู่แถวตอนและหน้ากระดานให้ได้ สำคัญมาก และใช้บ่อย
    • เดินกลางคืน (ห้ามใช้ไฟฉาย) ห่างกันไม่ควรเกิน 1 เมตร คุยได้ แต่อย่าดัง
    • สถานีที่ครูโหดและเข้มงวด หมายความว่า สถานีนั้นมีอันตรายที่อาจเกิดขึ้น โปรดฟังคำสั่งและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เช่น โดดหอ ยิงปืน เข้าตีของจ่านรก
    • สมุดจดเล่มเล็ก จดได้ จดเยอะๆ ครูบางคนชอบให้จด
    • โดดหอ อย่าสำออย โดดไปไกลๆ เข้าไว้ ถ้าทิ้งตัวลงหรือโดดใกล้ มันเสี่ยงต่อการฟาดเข้ากับตัวหอเอง
  • กลางคืน
    • หากนอนคนเดียว อย่าไปกลัว มักดีกว่านอนสองคน เพราะไม่ต้องเบียด แต่ก็ทำให้เก็บของนานขึ้นเช่นกัน
    • หัวค่ำ มีเรื่องสนุกๆ จากครูมากมาย หรือเรื่องชี้แจงและคำเตือนสำหรับวันรุ่งขึ้น ตั้งใจฟัง
    • นอนไว และเอา MP3 ไปฟังด้วยก็ดี (ตอนเราไปเอา MP3/FM ไปฟัง ปรากฏว่าเอาเข้าจริงฟัง FM ซะเยอะ มีโหวตรายการอาหารด้วย 555+ กะเพราไก่ไข่ดาวคะแนนนำตลอดชั่วโมง)
    • คืนสุดท้าย ออกมาข้างนอกหลังนกหวีดผ่านไปแล้ว 1 ชั่วโมงได้ แต่ยังไงก็ไม่ควรเสียงดังนะครับ
    • อย่า-เล่น-ไฟ-ฉาย!!!
    • นักเรียนเวรเฝ้าค่าย อย่าหลับยาม!
  • สำหรับนักเรียนผู้บังคับบัญชา (โดยเฉพาะหัวหน้าหมวด)
    • เช็คยอดบ่อยๆ แบบเงียบๆ (passive check) ตรวจสอบเสมอ
    • แถวเบี้ยวหน่อยช่างเขา แต่ถ้าครูมา สั่งเลย "หน้าตับ นับก้าวด้วย!! น้าบบบบ ก้าว!!"
    • ตอนเข้าออกสถานี กลับจากการพักแถว จัดแถวเสร็จ เช็คยอดเลย
    • บอกให้เพื่อนเอาถาดลงต่ำๆ เวลาตักอาหารเสมอ เราจะได้ไม่เหนื่อย เพราะต้องตักให้ทั้งกองพัน
    • ตักข้าว เหนื่อยกว่าตักแกง แต่ตักแกง ต้องใจแข็งหนักแน่นกับปริมาณเนื้อด้วย (ตักให้มีเนื้อปนๆ กับน้ำ และย้ำเพื่อนว่าไม่อิ่มมาเติมได้)
    • จำชื่อและหน้าตา "ผู้บังคับหมู่" ด้วย นอกจากหัวหน้ากองร้อยและกองพัน เพราะใช้ประสานงาน "ลง" ได้ดี (เช่นการเก็บเงินสั่งของ เพื่อนหาย หรือแจกอุปกรณ์)
  • อื่นๆ
    • คุณมีโอกาสครั้งเดียวที่จะได้ไปเขาชนไก่ (ของแต่ละปี ถ้าไม่ซ้ำชั้นนะ) เพราะฉะนั้น ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกก็ดีนะ (ของทหาร รูปละ 10 บาท ที่สถานีพราง ถ่ายกันเองฟรี จนแบตหมด)
    • อย่ากินน้ำมากหลังการฝึกเหนื่อยๆ จิบน้อยๆ ก่อน (อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ให้ถามหา "นศท. เคี้ยง" จากครูฝึกหรือครูพี่เลี้ยง ส่วนใหญ่รู้จักหมดแหละ)
    • อย่ากินมาม่าแห้ง เพราะจะดูดน้ำในร่างกายได้มาก (ถามครูฝึกได้เช่นกันหากต้องการกรณีศึกษา)
    • เคารพสถานที่ อย่าแหย่เจ้าที่เจ้าทาง เขาชนไก่เป็นสถานที่ที่บรรพชนมากมายสละชีพปกป้องประเทศในอดีต การได้ฝึกในสถานที่ดังกล่าวท่ามกลางวิญญาณของบรรพชนถือเป็นเกียรติ และบรรพชนเหล่านั้นพร้อมคุ้มครองช่วยเหลือหากเราให้ความเคารพ จะถ่ายในป่าก็ขอขมาก่อน และอย่าทิ้งขยะลงพื้น
    • กระโจมปืน M1A1 Carbine สามารถวางกี่กระบอกก็ได้ (ดู http://upic.me/t/iw/image0036.jpg ของ chuymaster)
    • M1A1 Carbine ภาษาไทยเรียกว่า "ปสบ. 87" (ปอสอบอ แปดเจ็ด ย่อมาจาก ปืนสั้นบรรจุเอง นำเข้า พ.ศ. 2487) อย่าไปดึงคั้นรั้งเล่น และอย่าทำปืนพัง
    • ฝุ่นเป็นความสกปรกแห่งมวลมนุษยชาติที่มิอาจเลี่ยงได้ พยายามอย่าให้มันเข้าไปติดในซอก หรือในกระเป๋า มันล้างยากมากด้วย เพราะล้างเสร็จมือเปียกๆ มันก็จับฝุ่นอีก
    • คิดถึงเขาชนไก่มาก... สนุกกว่าฟิสิกส์เยอะเลย 555+
    • ใครนอนเต็นท์เรา ถ้ายังมีผ้าพันคอตรา รด. (กลมๆ ที่ไม่ใช่ดาวเหลือง) เอามาคืนด้วย เราคิดถึงมันมาก มันนุ่มสบาย (กว่าไอ้ดาวเหลืองผืนใหม่ที่โดนบังคับซื้อทางอ้อมมา) และรับใช้เรามาตลอด
"จะแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด
จะรักชาติจนชีวิตเป็นผุยผง
จะยอมตายหมายให้เกียรติธำรง
จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา"