We've moved!

My blog had its new home.

Like I said before, this blog is not really official. Now that I got a new server, I'm going WordPress.

You can find me at http://lunaticneko.com/blog for the new blog. Thanks for bearing with my many blog moves.

This one will remain up in case I need to scavenge old data and/or there are more people led through the old link. I hope I don't lose too much PageRank for this...

Thank you very much,
LunaticNeko.

2008-02-26

ประกาศรับสมาชิกจัดตั้งชมรมภาษาต่างประเทศ

นิยามและชื่อเรียก - Definitions and Referencing Names:
โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา = สาธิตเกษตร
Kasetsart University Laboratory School, Center for Educational Research and Development = "Satit Kaset", or "KUS"

นักเรียน หมายถึงนักเรียนในสาธิตเกษตร เว้นแต่มีการระบุเป็นอื่นในใจความ
"Student" refers only to students in Satit Kaset, unless told otherwise in context.


ลักษณะชมรม - Description:
วิชาการเฉพาะด้านภาษาต่างประเทศ โดยมุ่งเน้นที่ภาษาที่มีการเปิดสอนในโรงเรียนสาธิตเกษตรเป็นหลัก ประกอบไปด้วยภาษาอังกฤษ ญี่ปุ่น และฝรั่งเศส

This club would aim for foreign language studies, focusing on English, Japanese, and French, the languages taught in Satit Kaset.


หลักการและเหตุผล - Reasons and Principles:
เนื่องจากโรงเรียนสาธิตเกษตรฯ ได้เปิดหลักสูตรการเรียนการสอนภาษาต่างประเทศ ประกอบด้วยภาษาอังกฤษ ภาษาญี่ปุ่น และภาษาฝรั่งเศสมาอย่างต่อเนื่อง ทางหลักสูตรภาษาต่างประเทศจึงมีความมุ่งหวังที่จะจัดตั้ง "ชมรมภาษาต่างประเทศ" ขึ้นมา เพื่อดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ของหลักสูตรภาษาต่างประเทศ โดยมีนักเรียนเป็นผู้ดำเนินการใต้การดูแลของอาจารย์ที่ปรึกษา

The school of Satit Kaset had been teaching three foreign languages, namely English, Japanese, and French continuously. This club will further the purposes of these language subjects, with students operating the club under adviser teacher's advices.


จุดประสงค์ของชมรม - Purposes:
1. เพื่อใช้ในการดำเนินกิจกรรมที่มีความเกี่ยวข้องกับภาษาต่างประเทศ
1. To be used to operate and run activities that may concern foreign languages.

2. เพื่อการพัฒนาขีดความสามารถและศักยภาพทางด้านการใช้ภาษาและทักษะอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาษาต่างประเทศของสมาชิกและผู้ร่วมกิจกรรม
2. To develop and further the limits and potential regarding foreign languages and related skills in members and participants.

<ว่าง - ยังไม่ครบถ้วน :: Waiting for further additions>


การรับสมัคร - Admission and Entry:
รับสมัครนักเรียนทุกระดับชั้นที่มีความสามารถหรือความสนใจในภาษาใดภาษาหนึ่งของชมรมฯ เป็นอย่างน้อย ไม่จำกัดคะแนนหรือความสามารถใด ๆ ทั้งสิ้น โดยจะรับสมาชิกจัดตั้งก่อนในช่วงครึ่งแรกของปี 2551 (ตามปฏิทิน) หากสนใจให้ติดต่อผู้จัดตั้งชมรม...

Any students, regardless of GPA or special talents are acceptable as long as they have abilities, skills, or interests in any of the club's interested languages. Founding members will be accepted in the first calendar half of 2008. If you are interested, please contact founder via...


ติดต่อ - Methods of Contact:
ติดต่อโดยตรง นายชวณัฐ นาคะสันต์
Direct contact : Chawanat Nakasan

โทรศัพท์ / Telephone : 085-153-6802
อีเมล / E-Mail : admin@thaimodz.net

หรือจะทิ้งความคิดเห็นที่ใจความขอสมัคร พร้องแจ้งชื่อจริงไว้ด้วย
Or leave us a comment and your real name here.

หากท่านเก่งญี่ปุ่นหรือฝรั่งเศส ช่วยแปลข้อความทั้งหมดเป็นภาษาของท่านได้ เราจะพิจารณาเป็นพิเศษ (เห้ย?!)
If you are proficient in Japanese or French and volunteer to translate everything here into your language, we will specially consider your applications! (Just kidding! You don't need to do it!!)

2008-02-03

เขาชนไก่ ปีสอง

"น้าบบบบบ ก้าว!"
"1~~~~ 2."
"น้าบบบบบ ใหม่!"
"1~~~~ 2!"
"ไม่ พอ ใจ!"
"1~! 2!!"
"ต่อออออออ ไป!"
"3~~~~ 4, 1~~~ 2, 3 4 1!!"

เสียงนี้ช่างเป็นเสียงที่คุ้นหูนักเรียนชายหลาย ๆ คนเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าเขาคนนั้นจะเป็นคนที่เปล่งวาจาเพื่อนับตัวเลขออกมา คนที่สั่งให้คนอื่นนับ คนที่ปากไม่พูดเท้าลากทราย (ฝุ่นตลบ) หรือแม้กระทั่งคนที่อ้าปากแต่แท้ที่จริงแล้วมันหน้าแดงแรงไม่มี ก็ว่ากันไป

ที่นี่ ที่ๆ นักศึกษาวิชาทหารทุกคนรู้จัก ผู้มีการศึกษาทุกคนรู้จัก กว่าสองร้อยปีมาแล้ว ที่นี่ได้เป็นสิ่งซึ่งจารึกประวัติศาสตร์ทางการทหารของประเทศไทยไว้ ในฐานะของสมรภูมิรบที่มีความสำคัญต่อสยามประเทศในสมัยนั้นอย่างยิ่ง ทัพของฝ่ายไทยสี่ทัพ สามารถหยุดยั้งการบุกรุกดินแดนจากพม่า ที่ใช้กำลังพลมากถึงเก้าทัพ ที่นี่คือทุ่งลาดหญ้า สถานที่แห่งประวัติศาสตร์ ที่นักรบไทย (แน่นอน พม่าด้วย) ได้สละเลือดเนื้อ ชีวิต น้ำตา หยาดเหงื่อ และฝังเอาจิตวิญญาณแห่งนักรบไว้ที่นี่ คอยให้พวกเรา - นักศึกษาวิชาทหาร - ได้สานต่อซึ่งอุดมการณ์ความรักชาติ ความรู้รักสามัคคี และจิตใจที่ตั้งมั่นเสียสละเพื่อแผ่นดิน ที่นี่ เป็นที่ๆ เหล่าดวงวิญญาณทั้งหลายเหล่านั้น ได้เฝ้าดูลูกหลานของแผ่นดิน เติบโตเป็นกำลังสำคัญของชาติ สมดังคำขวัญ "นักศึกษาวิชาทหาร คือ ลูกหลานของแผ่นดินไทย" ทุกประการ

ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่ทุ่งลาดหญ้า และเขาชนไก่

จริง ๆ แล้ว การฝึกชั้นปีที่สองนั้นไม่มีอะไรเลยครับ แค่กล้าลุยนิดเดียวก็ใช้ได้แล้ว ที่เหนื่อยสุดก็คือการใส่หมวกเหล็ก ไถแถกๆๆๆๆ บนทราย (หงาย ถอยหลัง) เพื่อลอดลวดหนาม นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรยากครับ ผมยังไม่เหนื่อยเท่าไหร่เลยนะเนี่ย จริงจริ๊งงงง (เหรอฟระ แล้วที่กลับมาบ้านแล้วแก้สมการตรีโกณไม่ได้หมายความว่ายังไง????)

เตรียมตัว

อุปกรณ์ที่อยากให้เตรียมไป (นอกจากเครื่องแบบนะ):
  • ชุดฝึก ไม่ต้องหรอกครับ ถ้าไม่ชัวร์ก็เอาไป 1 ชุด (ซื้อหรือยืมก็ได้ครับ)
  • เสื้อยืด รด 2 ตัว
  • กางเกงใน 2 ตัว (ไม่ต้องกลับหน้าหรอกครับ ลงทุนหน่อย)
  • เครื่องสนาม เตรียมให้ครบ
  • ปากกา สมุด โดยเฉพาะคนที่เป็นหัวหน้าหมวด กองร้อย กองพัน (จดนิดหน่อย เพราะถ้าจดมากเพื่อนด่า ไม่จดครูโวย ผมเกือบโดนเพื่อนต่อยหน้าเพราะจดมากเกินไปครับ)
  • อุปกรณ์อาบน้ำแปรงฟัน ไม่ต้องเยอะนะครับ วันละครั้งเอง
  • ยาประจำตัว แป้ง (เผื่ออับมาก) กย.
  • ช้อน (แนะนำช้อนสั้น เพราะใส่กระเป๋าเสื้อได้ ผมเก็บติดตัวตลอด ไม่หาย สะอาดด้วย เพราะสอดไว้ระหว่างทิชชูสองแผ่น)
  • อาวุธ ยาเสพติด ผ้าอนามัย ไม่ต้องนะครับ (ผ้าอนามัย ทางกองพันขอมาว่ามีพวกชอบทิ้งเกลื่อนครับ สกปรก)
  • ฯลฯ สัพเพเหระ ตามคู่มือบอกเลยครับ
เรื่องสายเก่งนั้น อยากให้เอาติดไปครับ เพราะถ้าคาดเข็มขัดสนามอย่างเดียว มันก็จะรั้งข้างเดียวครับ เอวหรือสะโพกข้างที่ไม่ได้ห้อยกระติกจะแบกน้ำหนักเพิ่มครับ เพราะโดนเข็มขัดสนามรั้ง แต่ถ้ามีสายเก่งด้วย มันจะแบ่งไปถ่วงไหล่ครับ ***ควรปรับสายทั้งหมดให้พอดี และทำแต่เนิ่น ๆ จะได้ไม่วุ่นวายครับ

กระติกน้ำ ควรล้างให้สะอาด หากปากกระติกคมก็ควรตะไบออกเพื่อลบเหลี่ยมก่อน และถ้าเป็นไปได้ ให้หาขอบยางสำหรับกันรั่วใส่ไปด้วย ถ้าหาไม่ได้ เอาถุงพลาสติก (Food Grade นะ ไม่เอาก๊อบแก๊บ) ครอบก่อนปิดก็ได้ครับ

รองเท้า ขัดไปเลย แล้วไม่ต้องขัดอีก เพราะมันจะหมดสภาพหลังกลับมา!!!

วัน ว.

ออกจากบ้านให้เร็ว เพราะต้องไปถึง "สวนเจ้าเชตุ" (หรือบางคนเรียก "สวนเจ้าเชษฐ์") ก่อนหกโมงเช้า ที่นั่นจะมีแผงขายของแบบ last-minute ก่อนออกเดินทาง ใครจะซื้ออะไรรีบซื้อ มีห้องน้ำให้เข้าด้วย และเกาะกลุ่มเพื่อนไว้ดี ๆ จะได้ไม่โดนแยกรถครับ

เนื้อหาในวันนี้ จะเป็นเนื้อหาทฤษฎีเสียมากกว่าปฏิบัติ เพราะกว่าจะไปถึงทุ่งลาดหญ้าและเปิดการฝึก กว่าจะจัดกองร้อยกันได้ก็นานพอควร การเลือกคู่นอน (ตามที่ผมได้นะครับ) คือ เลือกใครก็ได้ในหมวดเดียวกัน แล้วยืนแถวตอนสองแถว คนที่อยู่ตับติดกันจะได้เต็นท์ติดกันด้วย

การเลือกหมวด และกองร้อย จะใช้การเข้าแถวแบบเต็มสิบ (กี่สิบก็เท่านั้นกองร้อย) และทุก ๆ ห้าแถวจะถือเป็นหนึ่งหมวด ตัดสิบเอ็ดตับแนวหน้ากระดานอีกที แล้วเอาเศษไปประกอบกัน ก็จะได้กองพันออกมาอย่างสวยงาม โดยที่แต่ละบล็อก 5*11 จะเป็นหนึ่งหมวดครับ (?)

อย่างที่บอกไป เนื้อหาเป็นทฤษฎีซะมากกว่าปฏิบัติ เข้าฐานนั่งฟังบรรยายไปเรื่อย ๆ ระหว่างเดิน ห้ามเตะฝุ่น เพราะจะทำให้เพื่อนเดือดร้อนครับ!!!

อาหารการกิน เสิร์ฟในถาด ล้างเอง เก็บเอง การอาบน้ำและการนอน แล้วแต่พฤติกรรม ยิ่งทำตัวดียิ่งได้พักมาก เพราะครูเขาก็ไม่ได้อยากตะโกนอีกหรอกครับ หลังจากที่เราเหนื่อยกันมาทั้งวัน

การเข้าเวร ศึกษาตารางเวรไว้ให้ดีครับ เขาจะจัดเวรตามเต็นท์ไป และขอให้ทุกคนจำสัญญาณผ่านไว้ เผื่อต้องใช้ครับ ถ้าเราเป็นเวร เจอใครเข้ามาในเขตกองพัน เราต้องถาม ถ้าเขาตอบไม่ได้ก็ไม่ให้เข้า (แน่นอน รวมถึงผู้บังคับบัญชาและนายทหารใด ๆ ก็ตามที่บอกสัญญาณผ่านไม่ถูก) และในทางกลับกัน ถ้าเรากลับเข้าที่ตั้งเองแล้วตอบไม่ได้ก็เตรียมนอนตากฝุ่นได้เลย

อากาศตอนกลางคืนไม่หนาวเสมอไปนะครับ!!

วัน ว+1

เอาละ วันนี้จะเหนื่อยหน่อย เพราะจะต้องเข้าป่าทั้งวัน และมีการฝึกกลางคืนด้วย หลังจากออกจากกองพันไปแล้วจะได้กลับมาอีกทีก็ดึกไปเลย เนื้อหาวิชาจะมีปฏิบัติมาก เพราะฉะนั้น ใครป่วย ใครมีโรคประจำตัว ต้องแจ้งครูก่อนเข้าฐานฝึกหรือก่อนออกจากกองพันเสมอ (ในเวลาพักก็ได้ครับ)

การฝึกจะทำให้เพื่อน นศท. ทุกนาย กลายเป็น นศท. ชุบแป้งทอด โดยไข่ที่ใช้จะเป็นทรายเนื้อละเอียดแห่งทุ่งลาดหญ้า (ในหน้าแล้ง) ส่วนเกล็ดขนมปังก็คือเศษกิ่งไม้ที่อาจติดมาได้นั่นเอง กระทะใบใหญ่ตั้งอยู่บนเปลือกโลก มีนามว่า "สถานีฝึก" และ นศท. ทุกท่าน ก็จะต้องโดนคั่วอยู่บนนั้นทั้งวันแน่นอน

อนึ่ง กระผมแนะนำให้ นศท. ทุกท่าน นำช้อนติดตัวไปเสมอ เนื่องจากต้องกินอาหารนอกที่ตั้งทั้งวัน ดังนั้น หากไม่ได้หยิบช้อนออกมาจากเต็นท์ในตอนเช้า ท่านอาจต้องแชร์เพื่อนใช้ทั้งวันไปเลยก็เป็นได้!!

ในตอนกลางคืน ก็จะมีการฝึกนิดหน่อย ประกอบระบบ Light & Sound เพิ่มสีสันในการฝึก ให้ นศท. ทุกนายจดจำค่ำคืนนี้ได้ดีทีเดียว (ห้ามเปิดไฟฉาย เพราะจะทำลายบรรยากาศอย่างมาก)

อาจได้อาบน้ำอีกถ้าทำตัวดี ๆ ครับ

วัน ว+2

วันสุดท้ายแล้ว ตื่นมาเก็บของกลับบ้าน (แนะนำให้เอาทุกอย่างลง rucksack ตั้งแต่ก่อนนอนเลยครับ แล้วตอนเช้าค่อยยัดแปรงสีฟัน ถุงนอน ผ้ารองนอน ตามลงไป) เก็บขยะ ซ่อมเต็นท์ (ถ้ามันหย่อน) ฯลฯ

แต่ภารกิจยังไม่จบสิ้นนะครับ เราจะฝึกลาดตระเวนกันอีกนิดหน่อย แล้วค่อยกลับกันครับ ตอนกลับ เราก็จะทำย้อนกลับกับตอนมา คือ เอาของขึ้นรถ ไปทำพิธีปิด (ซึ่งเหมือนกับพิธีเปิด) แล้วกลับกรุงเทพฯ ลงที่สวนเจ้าเชตุเหมือนเดิม แล้วกลับบ้าน ใครที่คิดจะเอา "น้ำหลวง" กลับบ้าน อย่าหวังครับ เพราะความร้อนจะทำให้ท่านและเพื่อน ๆ กินหมดเสียก่อน

หลังจากวันนั้น ท่านจะพบว่า ความทุกข์ที่เกินทน จะหลอมคนให้ทนทาน แต่ก็จะลด Int ท่านลงไปเช่นกัน T_T

Debriefing and Aftermath

หลังจากลงรถที่สวนเจ้าเชตุ ท่านก็จะถูกต้อนออกจากเขตทหารอย่างรวดเร็ว แนะนำให้ผู้ปกครองเอารถมารับท่านกลับ โดยนัดกันไกล ๆ หน่อย (แต่ไม่เอาสนามหลวงนะครับ มันกว้าง 555+) เพราะถ้าท่านใช้ขนส่งมวลชน ท่านอาจสร้างความเดือดร้อน (เล็กน้อย) ให้กับผู้อื่นครับ

ประสบการณ์ที่ได้รับอาจเป็นเหมือนเรื่องไร้สาระ แต่ใครจะไปรู้ละครับ สักวันเราอาจต้องเป็นเจ้าคนนายคน ปกครองคนเป็นร้อย ๆ ถ้าเราไม่เริ่มฝึกตัวเราเองให้มีวินัย แล้วเราจะไปสั่งสอนให้ใครมีวินัยได้ล่ะครับ?

ป.ล. ใครคิดจะฝึกเพื่อหนีทหาร อย่างน้อยช่วยให้ความร่วมมือในค่ายด้วยครับ เพื่อน ๆ จะได้ไม่เดือดร้อน